♻️ 𝐄-𝐅𝐮𝐞𝐥: กุญแจสำคัญสู่ 𝐂𝐚𝐫𝐛𝐨𝐧 𝐍𝐞𝐮𝐭𝐫𝐚𝐥𝐢𝐭𝐲
- Net Zero Techup

- 12 ต.ค.
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 19 พ.ย.

♻️ 𝐄-𝐅𝐮𝐞𝐥: กุญแจสำคัญสู่ 𝐂𝐚𝐫𝐛𝐨𝐧 𝐍𝐞𝐮𝐭𝐫𝐚𝐥𝐢𝐭𝐲
ในยุคที่พลังงานสะอาดกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเศรษฐกิจโลก “E-Fuel (Electro-Fuel)” หรือ “Synthetic Fuel” กำลังถูกจับตามองว่าเป็น สะพานเชื่อมระหว่างยุคฟอสซิลกับยุค Carbon Neutrality
🔋️1) E-Fuel คืออะไร?
E-Fuel คือเชื้อเพลิงสังเคราะห์ที่ผลิตจาก
● ไฮโดรเจน (H₂) ซึ่งได้จากการแยกน้ำด้วยไฟฟ้า (Electrolysis) โดยใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลมหรือแสงอาทิตย์
● คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ที่ดักจับจากอากาศหรือจากแหล่งปล่อยโดยตรง (เช่น โรงไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรม)
● เมื่อนำทั้งสองมาทำปฏิกิริยาเคมี จะได้เชื้อเพลิงเหลวหรือก๊าซที่สามารถใช้กับเครื่องยนต์สันดาปภายในได้โดยไม่ต้องดัดแปลง เช่น E-Gasoline และ E-Diesel
🌿️ 2) ประเภทหลักของ E-Fuel
●️ 𝐄-𝐇𝐲𝐝𝐫𝐨𝐠𝐞𝐧 (𝐇₂):
ไฮโดรเจนเป็นโมเลกุลพื้นฐานของ E-Fuel ทุกชนิด ผลิตจากการแยกน้ำด้วยพลังงานหมุนเวียน
→ ใช้กับ Fuel Cell หรือเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตเชื้อเพลิงสังเคราะห์อื่น ๆ
●️ 𝐄-𝐌𝐞𝐭𝐡𝐚𝐧𝐞 (𝐂𝐇₄):
ผลิตจาก H₂ + CO₂ ผ่าน Sabatier Reaction
→ ใช้แทนก๊าซธรรมชาติ (Synthetic Natural Gas – SNG)
●️ 𝐄-𝐌𝐞𝐭𝐡𝐚𝐧𝐨𝐥 (𝐂𝐇₃𝐎𝐇):
ผลิตจาก H₂ + CO₂ ผ่าน Methanol Synthesis
→ ใช้ในเรือ อุตสาหกรรมเคมี หรือเป็นวัตถุดิบตั้งต้น
เป็นเชื้อเพลิงที่ “เติบโตเร็วที่สุดในโลก” และถูกใช้จริงแล้วโดย Porsche และ Maersk
●️ 𝐄-𝐆𝐚𝐬𝐨𝐥𝐢𝐧𝐞:
ผลิตจาก e-Methanol ผ่าน Methanol-to-Gasoline (MTG)
→ ใช้กับเครื่องยนต์เบนซินได้โดยตรง
●️ 𝐄-𝐃𝐢𝐞𝐬𝐞𝐥:
ผลิตด้วย Fischer–Tropsch Synthesis จาก H₂ และ CO₂
→ ใช้กับเครื่องยนต์ดีเซล เช่น รถบรรทุก หรือเครื่องจักรขนาดใหญ่
●️ 𝐄-𝐊𝐞𝐫𝐨𝐬𝐞𝐧𝐞 / 𝐄-𝐉𝐞𝐭 𝐅𝐮𝐞𝐥:
ผลิตด้วย Fischer–Tropsch Synthesis เช่นเดียวกับ e-Diesel
→ ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน เป็นส่วนหนึ่งของ Sustainable Aviation Fuel (SAF)
● ️ 𝐄-𝐀𝐦𝐦𝐨𝐧𝐢𝐚 (𝐍𝐇₃):
สังเคราะห์จาก H₂ และ N₂ (ไม่ใช้คาร์บอนเลย)
→ ใช้เป็น “พาหะไฮโดรเจน” (Hydrogen Carrier) และเชื้อเพลิงเรือที่ไม่ปล่อย CO₂
🌍 3) E-Fuel ช่วยลดโลกร้อนได้อย่างไร?
แม้การเผาไหม้ E-Fuel จะปล่อย CO₂ เช่นเดียวกับน้ำมันทั่วไป แต่ระบบโดยรวม (Life Cycle) ของ E-Fuel ถือเป็น “Carbon-Neutral” เพราะ
● CO₂ ที่ปล่อยออกมา เทียบเท่า CO₂ ที่ใช้ในการผลิต (ผ่านกระบวนการ Carbon Capture Utilization – CCU) ทำให้เป็นกลางทางคาร์บอน
● การผลิตไฮโดรเจนด้วยพลังงานหมุนเวียนไม่สร้างการปล่อย CO₂ เพิ่มจากภาคพลังงาน
● ลดการพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิงฟอสซิลในภาคอุตสาหกรรมที่ไฟฟ้ายังทดแทนไม่ได้ เช่น การบิน การเดินเรือ และขนส่งหนัก
📊 รายงานของ IEA (2023) ระบุว่า E-Fuel สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ 60–100% หากใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในการผลิต
⛽️ 4) ตอนนี้มีใครใช้ในเชิงพาณิชย์แล้วบ้าง?
หลายประเทศเริ่มนำ E-Fuel มาใช้จริงในภาคขนส่งและพลังงาน เช่น
● Porsche – Haru Oni Project (ชิลี)
ผลิต e-Methanol และ e-Gasoline จากพลังงานลมใน Patagonia เริ่มเดินเครื่องจริง ปลายปี 2022 และเริ่มส่งออกเชื้อเพลิงไปยุโรปในปี 2024
● Maersk / Kassø Plant (เดนมาร์ก)
โรงงาน e-Methanol เชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลก ผลิตได้ราว 42,000 ตัน/ปี เปิดใช้อย่างเป็นทางการ พฤษภาคม 2025 และใช้เชื้อเพลิงกับเรือเดินสมุทร Maersk ที่เปิดตัวตั้งแต่ ปี 2023
● Lufthansa (เยอรมนี)
ทดลองใช้ e-Kerosene หรือ Sustainable Aviation Fuel (SAF) ในเที่ยวบินจริง เริ่มโครงการทดลอง ปี 2023 และขยายการใช้เชิงพาณิชย์บางเส้นทางภายใน ปี 2025
● Liquid Wind (สวีเดน)
พัฒนาโรงงาน e-Methanol จากพลังงานหมุนเวียนและ Biogenic CO2 อยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่า เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ปี 2025
● ENEOS + Toyota (ญี่ปุ่น)
ทดลองผลิต e-Methanol และ e-Ammonia เพื่อใช้ในภาคขนส่งและอุตสาหกรรม เริ่มทดสอบในระดับนำร่อง ปี 2024 และมุ่งขยายสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ภายใน ปี 2030
🌍 ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า E-Fuel ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดอีกต่อไป แต่ได้เริ่มถูกใช้งานจริงในอุตสาหกรรมการเดินเรือ การบิน และการขนส่งหนักทั่วโลก
🚩 แหล่งที่มาของข้อมูล:
● International Energy Agency (IEA)






ความคิดเห็น