top of page
ค้นหา

♻️ "Smart City" เมืองอัจฉริยะที่แท้จริง ต้องเริ่มจาก Climate Action!

  • รูปภาพนักเขียน: Net Zero Techup
    Net Zero Techup
  • 5 วันที่ผ่านมา
  • ยาว 2 นาที
ree

♻️ "𝐒𝐦𝐚𝐫𝐭 𝐂𝐢𝐭𝐲" เมืองอัจฉริยะที่แท้จริง ต้องเริ่มจาก 𝐂𝐥𝐢𝐦𝐚𝐭𝐞 𝐀𝐜𝐭𝐢𝐨𝐧!

ในยุคที่โลกร้อนแรงกว่าเทคโนโลยี เมืองที่อัจริยะจริงไม่ได้หมายถึงเมืองที่มีระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ แต่คือเมืองที่สามารถอยู่รอดและเติบโตได้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ (Climate Resilience) เพราะ Smart City ที่แท้จริง ต้องเข้าใจสภาพภูมิอากาศก่อนความอัจฉริยะทางเทคโนโลยี


🌿 𝐒𝐃𝐆 𝟏𝟑: 𝐂𝐥𝐢𝐦𝐚𝐭𝐞 𝐀𝐜𝐭𝐢𝐨𝐧: หัวใจของเมืองอัจฉริยะยุคใหม่

SDG 13 ไม่ได้เป็นเพียงเป้าหมายเรื่องการลดคาร์บอน แต่คือ กรอบคิดในการออกแบบเมืองให้ยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศ และเมื่อผนวกเข้ากับแนวคิด Smart City จะเกิดแนวทางใหม่ที่เรียกว่า “Climate-Smart City” เมืองที่ใช้ข้อมูล เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อปกป้องผู้คนและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน


🌍 4 แนวทางการประยุกต์ SDG 13 เข้ากับ Smart City

🔹️ 𝐒𝐦𝐚𝐫𝐭 𝐄𝐧𝐞𝐫𝐠𝐲:

เปลี่ยนพลังงานฟอสซิล → พลังงานหมุนเวียน (เช่น Solar Rooftop, Microgrid, District Cooling)

🔹️ 𝐒𝐦𝐚𝐫𝐭 𝐌𝐨𝐛𝐢𝐥𝐢𝐭𝐲:

ส่งเสริมขนส่งสาธารณะ EV, ระบบทางเท้า, ถนนยางมะตอยชนิดซึมน้ำ, จักรยาน เพื่อลดคาร์บอน และ PM2.5 จากการเดินทาง

🔹️𝐒𝐦𝐚𝐫𝐭 𝐄𝐧𝐯𝐢𝐫𝐨𝐧𝐦𝐞𝐧𝐭:

สร้าง “Sponge City” ดูดซับน้ำฝน, เพิ่มพื้นที่สีเขียว, อาคารเขียวและหลังคาพืช เพื่อลดความร้อนในเขตเมือง และป้องกันน้ำท่วม

🔹️ 𝐒𝐦𝐚𝐫𝐭 𝐆𝐨𝐯𝐞𝐫𝐧𝐚𝐧𝐜𝐞:

ใช้ข้อมูลภูมิอากาศและ IoT เพื่อวางแผนน้ำ ฝุ่น และพลังงานแบบเรียลไทม์


🏆 Best Practices จากต่างประเทศ ได้แก่


1) 🇸🇬 Singapore – Smart Nation for Climate Resilience

● ใช้ระบบ Digital Twin จำลองอุณหภูมิ น้ำท่วม และคุณภาพอากาศของทั้งเมือง

● โครงการ ABC Waters เปลี่ยนลำคลองและบ่อเก็บน้ำให้กลายเป็นสวนสาธารณะรับน้ำ (Nature-based Design)

● Green Mark Building Standard กำหนดให้อาคารใหม่ทุกแห่งเป็น “อาคารประหยัดพลังงาน”

🍀 ผลลัพธ์: ลดความร้อนเฉลี่ยในเขตใจกลางเมืองลงกว่า 1.5°C และเพิ่มพื้นที่สีเขียวต่อหัวมากกว่า 40%


2) 🇩🇰 Copenhagen – Carbon Neutral City 2025

● ใช้พลังงานหมุนเวียนในระบบไฟฟ้าและทำความร้อนรวมกว่า 80%

● พัฒนาเครือข่าย “District Heating + Smart Energy Grid”

● มีระบบเลนจักรยานกว่า 400 กม. ลดคาร์บอนจากภาคขนส่ง

🍀 ผลลัพธ์: ลดการปล่อยคาร์บอนลง 40% (เมื่อเทียบกับปี 2005) และจะเป็นเมืองคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2025


3) 🇨🇳 Wuhan, China – Sponge City Model

● ใช้แนวคิด Green Infrastructure + Smart Sensor System

● ผสานพื้นที่สีเขียว, บ่อน้ำ, และระบบตรวจวัดน้ำท่วมแบบเรียลไทม์

● ใช้ AI ควบคุมการระบายน้ำในเขตเมือง

🍀 ผลลัพธ์: ลดน้ำท่วมเฉียบพลันลงกว่า 70% และเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมืองกว่า 20,000 เฮกตาร์


4) 🇳🇱 Rotterdam, Netherlands – Climate Adaptive Smart Port City

● พัฒนา “Water Square” ที่ทำหน้าที่เป็นสวนและบ่อพักน้ำในเวลาเดียวกัน

● ระบบ Smart Flood Monitoring ใช้ IoT ตรวจระดับน้ำแบบ real-time

● นำข้อมูลนี้มาใช้ในการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานเมืองทั้งระบบ

🍀 ผลลัพธ์: เมืองที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลกลับกลายเป็นเมืองที่ “ปลอดภัยที่สุดจากน้ำท่วม” ในยุโรป


🇹🇭 แนวทางสำหรับประเทศไทยสู่ “𝐁𝐚𝐧𝐠𝐤𝐨𝐤 𝐂𝐥𝐢𝐦𝐚𝐭𝐞-𝐒𝐦𝐚𝐫𝐭 𝐂𝐢𝐭𝐲”

1️⃣ ผนวก Climate Action เข้าไปในเกณฑ์การพัฒนา Smart City ของ DEPA และแผน NDC ของชาติ

2️⃣ พัฒนา Sponge City + Green Corridor ในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ เช่น ขอนแก่น / ภูเก็ต

3️⃣ ใช้ IoT และ Data Platform เพื่อติดตามฝุ่น PM2.5, ปริมาณน้ำฝน, อุณหภูมิแบบเรียลไทม์

4️⃣ สนับสนุน Green Innovation Fund / Clean Air Fund เพื่อขับเคลื่อนโครงการ Climate Tech

5️⃣ สร้าง Smart Citizen ที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องสภาพภูมิอากาศ (Climate Literacy) และร่วมเปลี่ยนพฤติกรรม


🔆 จะเห็นได้ว่า “Smart City ที่แท้จริง ไม่ได้เริ่มจากการเพิ่มเทคโนโลยี แต่เริ่มจากการเข้าใจภูมิอากาศ และออกแบบเมืองให้ยืดหยุ่นต่อวิกฤตในอนาคต” 🌎


🚩 แหล่งที่มาของข้อมูล:

● United Nations (2015). The 2030 Agenda for Sustainable Development (SDG 13)

● C40 Cities Climate Leadership Group

● Singapore Smart Nation & Sustainability Blueprint (2024)

● Copenhagen Climate Plan 2025

● Wuhan Sponge City Program, Ministry of Housing and Urban-Rural Development of China

● Rotterdam Climate Adaptation Plan

● DEPA Thailand Smart City Framework (2024)


 
 
 

ความคิดเห็น


Post: Blog2_Post

NET ZERO TECHUP

  • Facebook
  • Instagram
  • YouTube

©2022 by Net Zero Techup

bottom of page