top of page
ค้นหา

♻️ EUDR เขย่าตลาดโลก! สินค้าต้องไม่ทำลายป่า 🌳

  • รูปภาพนักเขียน: Net Zero Techup
    Net Zero Techup
  • 12 ก.ค.
  • ยาว 1 นาที
ree

♻️ #EUDR เขย่าตลาดโลก! สินค้าต้องไม่ทำลายป่า 🌳

กฎหมาย EUDR (EU Deforestation Regulation) มีผลบังคับใช้เมื่อ 29 มิถุนายน 2023 โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อยับยั้งการตัดไม้ทำลายป่าอันเกิดจากการบริโภคสินค้าในห่วงโซ่อุปทานของสหภาพยุโรป โดยกำหนดให้สินค้าที่จะเข้าสู่ตลาดยุโรปต้องมาจากแหล่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่าหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2020 และต้องผลิตอย่างถูกต้องตามกฎหมายของประเทศต้นทาง


✅️ กลุ่มสินค้าควบคุมภายใต้ EUDR

ประกอบด้วยสินค้าโภคภัณฑ์ 7 ชนิด ได้แก่ โค, โกโก้, กาแฟ, น้ำมันปาล์ม, ยางพารา, ถั่วเหลือง, และไม้ รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น ยางรถยนต์ ถุงมือยาง เครื่องหนัง กระดาษ และเฟอร์นิเจอร์จากไม้


✅️ เงื่อนไขสำคัญที่ผู้ส่งออกต้องปฏิบัติตาม

▪️️ แหล่งผลิตปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าหลังวันที่ 31 ธ.ค. 2020

▪️ผลิตอย่างถูกกฎหมายของประเทศต้นทาง

▪️มีข้อมูลการตรวจสอบย้อนกลับ เช่น พิกัดที่ตั้ง เอกสารแสดงสถานะทางกฎหมาย และการประเมินความเสี่ยง


✅️ ผลกระทบต่อประเทศไทย

▪️ช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ไทยส่งออกสินค้าควบคุม EUDR ไป EU มูลค่า 379.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 49.94%

▪️ยางพาราและไม้ได้รับผลกระทบมากที่สุด (คิดเป็น 75% ของมูลค่าการส่งออกไป EU)

▪️แม้มีสัดส่วนเพียง 7.65% ของการส่งออกไปทั่วโลก แต่มีแนวโน้มขยายตัว

▪️ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่ม "ความเสี่ยงต่ำ" แสดงถึงความสามารถในการผลิตอย่างยั่งยืน


✅️ ความเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

▪️ป่าไม้ดูดซับ CO₂ ได้ ~662 พันล้านตันทั่วโลก

▪️การตัดไม้ทำลายป่าทำให้ CO₂ กลับคืนสู่ชั้นบรรยากาศ ส่งผลต่อโลกร้อน

▪️สินค้าใน EUDR มีส่วนทำให้ป่าโลกหายไป 26% ช่วงปี 2001–2015

▪️การเผาป่าทำให้เกิดการปล่อยคาร์บอนและส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศโลก


✅️ ความท้าทายในการบังคับใช้

▪️EUDR เผชิญแรงต้านจากประเทศผู้ผลิตและปัญหาทางการเมืองภายในอียู

▪️การเลื่อนใช้กฎหมายไปปลายปี 2025 อาจทำให้สูญเสียพื้นที่ป่า 2,300 ตร.กม. และปล่อยคาร์บอนเทียบเท่ารถยนต์ 18 ล้านคันต่อปี


✅️ โอกาสสำหรับประเทศไทย

▪️ไทยควรใช้โอกาสนี้พัฒนา ระบบตรวจสอบย้อนกลับ (traceability) และ ระบบประเมินความเสี่ยง ที่ได้มาตรฐาน

▪️สนับสนุนเกษตรกรไทยให้เข้าถึงตลาดโลกด้วยการผลิตที่โปร่งใสและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

▪️เพิ่มความเชื่อมั่นต่อสินค้าจากไทยในตลาด EU และระดับโลก


✅️ ผู้ทวนสอบภายใต้ EUDR จำเป็นหรือไม่?

กฎหมาย EUDR ไม่ได้บังคับให้ต้องมีผู้ทวนสอบ (Verifier) อย่างเป็นทางการ แต่การมีบุคคลหรือหน่วยงานอิสระช่วยตรวจสอบแหล่งผลิตและข้อมูลการตรวจสอบย้อนกลับ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และลดความเสี่ยงในการส่งออก โดยเฉพาะหากสินค้ามาจากพื้นที่ความเสี่ยงสูง หรือมีความซับซ้อนในห่วงโซ่อุปทาน


สำหรับประเทศไทย ซึ่งอยู่ในกลุ่มประเทศความเสี่ยงต่ำ อาจใช้วิธี Due Diligence แบบง่ายได้ แต่การเตรียมข้อมูลอย่างโปร่งใส และมีการตรวจสอบโดยบุคคลที่สามจะเป็นข้อได้เปรียบในการเข้าตลาด EU อย่างยั่งยืน


🚩 แหล่งที่มา: #กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม


📝 ข้อมูลอ้างอิง:


 
 
 

Comments


Post: Blog2_Post

NET ZERO TECHUP

  • Facebook
  • Instagram
  • YouTube

©2022 by Net Zero Techup

bottom of page