top of page
ค้นหา

♻️ "ด้านมืด" ของ "พลังงานแสงอาทิตย์"

รูปภาพนักเขียน: Net Zero TechupNet Zero Techup

จากการศึกษาเกี่ยวกับ "เศรษฐศาสตร์ของพลังงานแสงอาทิตย์" ซึ่งตีพิมพ์ใน Harvard Business Review (HBR) เขียนโดย Atalay Atasu และ Luk N. Van Wassenhove จาก Institut Européen d'Administration des Affaires หนึ่งในโรงเรียนธุรกิจชั้นนำของยุโรป และ Serasu Duran จากมหาวิทยาลัย Calgary พบว่าของเสียที่ผลิตโดยแผงโซลาร์เซลล์จะทำให้ไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์มีราคาแพงกว่าที่นักวิเคราะห์พลังงานชั้นนำของโลกคิดไว้ถึง 4 เท่า


ปริมาณของเสียจากแผงโซลาร์เซลล์จะทำลายเศรษฐศาสตร์ของพลังงานแสงอาทิตย์ถึงแม้จะได้รับเงินอุดหนุนก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ทั้งสาม กล่าวว่า "ภายในปี 2035 แผงโซลาร์เซลล์ที่ถูกทิ้งจะมีมากกว่าการผลิตใหม่ที่ขายได้ 2.56 เท่า ในทางกลับกัน สิ่งนี้จะกระตุ้นให้ต้นทุนพลังงานปรับระดับแล้ว (LCOE: Levelized Cost of Energy) ซึ่งเป็นการวัดต้นทุนโดยรวมของสินทรัพย์ที่ผลิตพลังงานมากกว่าอายุการใช้งานถึง 4 เท่าของประมาณการปัจจุบัน"


✅️️ ปัญหา คือ ขยะจากแผงโซลาร์เซลล์ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเลวร้ายยิ่งกว่าปริมาณของเสีย แผงโซลาร์เซลล์มีความบอบบางและแตกหักง่าย พวกมันจะกลายเป็นอันตรายทันที เนื่องจากมีส่วนประกอบของโลหะหนัก ดังนั้นจึงจัดเป็นของเสียอันตราย ซึ่งสามารถขนส่งได้เฉพาะในเวลาที่กำหนดและผ่านเส้นทางที่เลือกเท่านั้น เป็นต้น อีกทั้ง ปริมาณขยะจากแผงโซลาร์เซลล์จะมีปริมาณมากกว่าปริมาณขยะที่มาจากสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ค่าใช้จ่ายในการกำจัดที่ไม่คาดฝันทั้งหมดเหล่านี้อาจทำลายความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรม


นอกจากนี้ มันไม่ใช่แค่แผงโซลาร์เซลล์เท่านั้น ปัญหาเดียวกันนี้กำลังเกิดขึ้นกับเทคโนโลยีพลังงานทดแทนอื่นๆ ตัวอย่างเช่น ใบพัดกังหันลมขนาดมหึมา มูลค่ากว่า 720,000 ตัน จะถูกนำไปฝังกลบในสหรัฐฯ ในอีก 20 ปีข้างหน้า ตามการประมาณการทั่วไป ปัจจุบัน แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า เพียง 5% เท่านั้น ที่ถูกนำกลับมารีไซเคิล ซึ่งเป็นความล่าช้าที่ผู้ผลิตรถยนต์กำลังเร่งแก้ไข เนื่องจากตัวเลขยอดขายสำหรับรถยนต์ไฟฟ้ายังคงเพิ่มขึ้นมากถึง 40% เมื่อเทียบเป็นรายปี


อย่างไรก็ดี แผงโซลาร์เซลล์อาจไม่สามารถใช้เป็นแหล่งพลังงานหลักได้อย่างเช่น นิวเคลียร์ ก๊าซธรรมชาติ หรือถ่านหิน ด้วยเหตุผลทางกายภาพของแสงแดด ทำให้ความหนาแน่นของพลังงานต่ำ จะต้องกระตุ้นให้เกิดความเข้มของวัสดุและความต้องการเชิงพื้นที่ที่สูงขึ้น ด้วยเหตุผลทางกายภาพนี้ ทำให้ต้นทุนทางกายภาพสูงขึ้นด้วยเช่นกัน


🚩 แหล่งที่มาของข้อมูล:

---------------------------------------------------

ติดตามข้อมูลผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่

Facebook: Net Zero Techup


 
 
 

Comments


Post: Blog2_Post

NET ZERO TECHUP

  • Facebook
  • Instagram
  • YouTube

©2022 by Net Zero Techup

bottom of page