top of page
ค้นหา

♻️ 𝐄-𝐅𝐮𝐞𝐥: กุญแจสำคัญสู่ 𝐂𝐚𝐫𝐛𝐨𝐧 𝐍𝐞𝐮𝐭𝐫𝐚𝐥𝐢𝐭𝐲

  • รูปภาพนักเขียน: Net Zero Techup
    Net Zero Techup
  • 12 ต.ค.
  • ยาว 2 นาที
ree

♻️ 𝐄-𝐅𝐮𝐞𝐥: กุญแจสำคัญสู่ 𝐂𝐚𝐫𝐛𝐨𝐧 𝐍𝐞𝐮𝐭𝐫𝐚𝐥𝐢𝐭𝐲

ในยุคที่พลังงานสะอาดกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเศรษฐกิจโลก “E-Fuel (Electro-Fuel)” หรือ “Synthetic Fuel” กำลังถูกจับตามองว่าเป็น สะพานเชื่อมระหว่างยุคฟอสซิลกับยุค Carbon Neutrality


🔋️1) E-Fuel คืออะไร?

E-Fuel คือเชื้อเพลิงสังเคราะห์ที่ผลิตจาก

● ไฮโดรเจน (H₂) ซึ่งได้จากการแยกน้ำด้วยไฟฟ้า (Electrolysis) โดยใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลมหรือแสงอาทิตย์

● คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ที่ดักจับจากอากาศหรือจากแหล่งปล่อยโดยตรง (เช่น โรงไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรม)

● เมื่อนำทั้งสองมาทำปฏิกิริยาเคมี จะได้เชื้อเพลิงเหลวหรือก๊าซที่สามารถใช้กับเครื่องยนต์สันดาปภายในได้โดยไม่ต้องดัดแปลง เช่น E-Gasoline และ E-Diesel


🌿️ 2) ประเภทหลักของ E-Fuel

●️ 𝐄-𝐇𝐲𝐝𝐫𝐨𝐠𝐞𝐧 (𝐇₂):

ไฮโดรเจนเป็นโมเลกุลพื้นฐานของ E-Fuel ทุกชนิด ผลิตจากการแยกน้ำด้วยพลังงานหมุนเวียน

→ ใช้กับ Fuel Cell หรือเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตเชื้อเพลิงสังเคราะห์อื่น ๆ

●️ 𝐄-𝐌𝐞𝐭𝐡𝐚𝐧𝐞 (𝐂𝐇₄):

ผลิตจาก H₂ + CO₂ ผ่าน Sabatier Reaction

→ ใช้แทนก๊าซธรรมชาติ (Synthetic Natural Gas – SNG)

●️ 𝐄-𝐌𝐞𝐭𝐡𝐚𝐧𝐨𝐥 (𝐂𝐇₃𝐎𝐇):

ผลิตจาก H₂ + CO₂ ผ่าน Methanol Synthesis

→ ใช้ในเรือ อุตสาหกรรมเคมี หรือเป็นวัตถุดิบตั้งต้น

●️ 𝐞-𝐆𝐚𝐬𝐨𝐥𝐢𝐧𝐞 / 𝐞-𝐉𝐞𝐭 𝐅𝐮𝐞𝐥:

เป็นเชื้อเพลิงที่ “เติบโตเร็วที่สุดในโลก” และถูกใช้จริงแล้วโดย Porsche และ Maersk

●️ 𝐄-𝐆𝐚𝐬𝐨𝐥𝐢𝐧𝐞:

ผลิตจาก e-Methanol ผ่าน Methanol-to-Gasoline (MTG)

→ ใช้กับเครื่องยนต์เบนซินได้โดยตรง

●️ 𝐄-𝐃𝐢𝐞𝐬𝐞𝐥:

ผลิตด้วย Fischer–Tropsch Synthesis จาก H₂ และ CO₂

→ ใช้กับเครื่องยนต์ดีเซล เช่น รถบรรทุก หรือเครื่องจักรขนาดใหญ่

●️ 𝐄-𝐊𝐞𝐫𝐨𝐬𝐞𝐧𝐞 / 𝐄-𝐉𝐞𝐭 𝐅𝐮𝐞𝐥:

ผลิตด้วย Fischer–Tropsch Synthesis เช่นเดียวกับ e-Diesel

→ ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน เป็นส่วนหนึ่งของ Sustainable Aviation Fuel (SAF)

● ️ 𝐄-𝐀𝐦𝐦𝐨𝐧𝐢𝐚 (𝐍𝐇₃):

สังเคราะห์จาก H₂ และ N₂ (ไม่ใช้คาร์บอนเลย)

→ ใช้เป็น “พาหะไฮโดรเจน” (Hydrogen Carrier) และเชื้อเพลิงเรือที่ไม่ปล่อย CO₂


🌍 3) E-Fuel ช่วยลดโลกร้อนได้อย่างไร?

แม้การเผาไหม้ E-Fuel จะปล่อย CO₂ เช่นเดียวกับน้ำมันทั่วไป แต่ระบบโดยรวม (Life Cycle) ของ E-Fuel ถือเป็น “Carbon-Neutral” เพราะ

● CO₂ ที่ปล่อยออกมา เทียบเท่า CO₂ ที่ใช้ในการผลิต (ผ่านกระบวนการ Carbon Capture Utilization – CCU) ทำให้เป็นกลางทางคาร์บอน

● การผลิตไฮโดรเจนด้วยพลังงานหมุนเวียนไม่สร้างการปล่อย CO₂ เพิ่มจากภาคพลังงาน

● ลดการพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิงฟอสซิลในภาคอุตสาหกรรมที่ไฟฟ้ายังทดแทนไม่ได้ เช่น การบิน การเดินเรือ และขนส่งหนัก

📊 รายงานของ IEA (2023) ระบุว่า E-Fuel สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ 60–100% หากใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในการผลิต


⛽️ 4) ตอนนี้มีใครใช้ในเชิงพาณิชย์แล้วบ้าง?

หลายประเทศเริ่มนำ E-Fuel มาใช้จริงในภาคขนส่งและพลังงาน เช่น

● Porsche – Haru Oni Project (ชิลี)

ผลิต e-Methanol และ e-Gasoline จากพลังงานลมใน Patagonia เริ่มเดินเครื่องจริง ปลายปี 2022 และเริ่มส่งออกเชื้อเพลิงไปยุโรปในปี 2024

● Maersk / Kassø Plant (เดนมาร์ก)

โรงงาน e-Methanol เชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลก ผลิตได้ราว 42,000 ตัน/ปี เปิดใช้อย่างเป็นทางการ พฤษภาคม 2025 และใช้เชื้อเพลิงกับเรือเดินสมุทร Maersk ที่เปิดตัวตั้งแต่ ปี 2023

● Lufthansa (เยอรมนี)

ทดลองใช้ e-Kerosene หรือ Sustainable Aviation Fuel (SAF) ในเที่ยวบินจริง เริ่มโครงการทดลอง ปี 2023 และขยายการใช้เชิงพาณิชย์บางเส้นทางภายใน ปี 2025

● Liquid Wind (สวีเดน)

พัฒนาโรงงาน e-Methanol จากพลังงานหมุนเวียนและ Biogenic CO2 อยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่า เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ปี 2025

● ENEOS + Toyota (ญี่ปุ่น)

ทดลองผลิต e-Methanol และ e-Ammonia เพื่อใช้ในภาคขนส่งและอุตสาหกรรม เริ่มทดสอบในระดับนำร่อง ปี 2024 และมุ่งขยายสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ภายใน ปี 2030


🌍 ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า E-Fuel ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดอีกต่อไป แต่ได้เริ่มถูกใช้งานจริงในอุตสาหกรรมการเดินเรือ การบิน และการขนส่งหนักทั่วโลก


🚩 แหล่งที่มาของข้อมูล:

● International Energy Agency (IEA)


 
 
 

ความคิดเห็น


Post: Blog2_Post

NET ZERO TECHUP

  • Facebook
  • Instagram
  • YouTube

©2022 by Net Zero Techup

bottom of page